8 เทคนิค เริ่มสร้างแบรนด์ตัวเองอย่างไรให้มีความมั่นคง
ปัจจุบันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใคร ๆ ก็อยากจะเป็นเจ้านายตัวเองกันทั้งนั้น เพราะอะไรที่เราสามารถควบคุมดูแลได้เองก็น่าจะเป็นอะไรที่แบกรับความกดดันและจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ดีกว่า ซึ่งหนึ่งในหนทางของการเป็นเจ้านายตัวเองก็คงหนีไม่พ้นการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ตลาดที่รองรับแบรนด์สินค้าจากคนรุ่นใหม่ ๆ ก็มีความหลากหลายมาก ๆ ทั้งสายของกิน อย่างอาหารสำเร็จรูป ผักผลไม้อบแห้ง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือสายแฟชั่นอย่างกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ สายความงามอย่างอาหารเสริม สกินแคร์ (Skin care) หรือเวชภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ และยังไม่รวมในสายอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้ใครหลายคนมีความคิดที่จะริเริ่มเปิดแบรนด์เป็นของตัวเอง
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเกิดมาพร้อมทำธุรกิจเลย ก็ยังมีคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร เริ่มที่ตรงไหน เราจึงต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้หรือสามารถให้ข้อมูล คำปรึกษาเราได้เข้ามาช่วยในจุดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าทาง With love ก็มีข้อมูลเรื่องการเปิดแบรนด์ดี ๆ มาฝากทุกคนกัน โดยเราได้รวบรวมทั้งเคล็ดลับในเรื่องขั้นตอนการสร้างแบรนด์ของตัวเอง การปรับความคิดหรือ Mindset สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจแต่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ รวมไปถึงวิธีการเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามธุรกิจจริง เพราะฉะนั้นใครที่กำลังอยากเปิดแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง ขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดบทความนี้โดยเด็ดขาด เดี๋ยวมาดูกันว่ามีเนื้อหาอะไรดี ๆ มาแนะนำบ้าง
สร้างแบรนด์ตัวเองต้องเริ่มต้นอย่างไรให้มีความมั่นคง
ก่อนที่เราจะเริ่มไปลงทุนลงแรงกับการทำธุรกิจอะไรสักอย่าง การศึกษาข้อมูลและลงมือทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจะช่วยให้เราสามารถวางแผนและพัฒนาแบรนด์ของเราให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะฉะนั้นขั้นตอนต่อไปนี้จะเป็นวิธีที่ช่วยให้ทุกคนสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ง่ายกว่าที่คิด
1. สำรวจตลาด
สำหรับคนที่อยากสร้างแบรนด์แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน หรืออาจจะมีสินค้าที่สนอยากสร้างแบรนด์แล้วแต่ยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง การเริ่มสำรวจตลาดน่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เรากำหนดทิศทางของแบรนด์เราได้ เราอาจจะต้องลองดูว่าอยากจะขายสินค้าจำพวกเสื้อผ้า ของใช้หรือของกิน ดูว่ามีการซื้อขายในตลาดมากน้อยแค่ไหน ลูกค้ากำลังมองหาเสื้อผ้าแบบไหน ของกินของใช้อะไร หรือถ้าเราตั้งเป้าไว้แล้วว่าเราอยากลองสร้างแบรนด์เสื้อผ้า ก็ลองสำรวจทั้งตลาดแบบหน้าร้านทั่วไปและสำรวจบนช่องทางออนไลน์ประกอบไปด้วย จะได้รู้ว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่คนชื่นชอบ การแต่งตัวแบบไหนที่กำลังเป็นที่นิยม เราก็อาจจะพอจับทางได้ว่าเราอยากจะขายสินค้าที่เป็นเสื้อผ้าประเภทไหน เป็นต้น
2. กำหนดสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย
ต่อมาเมื่อเราศึกษาตลาดมาบ้างแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการกำหนดสินค้าหลักของแบรนด์เราว่าจะเริ่มต้นขายอะไรพร้อมไปกับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักไปด้วยเลย เช่น เราอาจจะกำหนดว่าแบรนด์เราจะขาย ‘กระเป๋า’ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เด็กไปจนถึงช่วยวัยทำงานไม่เกินนี้หรือกำหนดเป็นช่วงอายุ 10 – 30 ปี เป็นต้น ซึ่งพอเรากำหนดสินค้าและกลุ่มเป้าหมายแบบนี้ได้แล้วเราจะได้เริ่มสร้างแบรนด์ ตั้งชื่อที่สอดคล้องกับร้าน พร้อมทั้งช่วยให้เราจับทางถูกว่าควรจะทำอะไรต่อไปหรือจะสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างไรให้อยากเข้ามาซื้อสินค้าจากแบรนด์เรา
3. สร้างจุดขาย
การที่เราจะสร้างแบรนด์ขายสินค้าอะไรก็ตามที่มีคู่แข่งในตลาดแล้ว สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่เราจะต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญมาก ๆ นั่นก็คือการสร้างจุดขาย สร้างความแตกต่าง หรือโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ให้กับทางแบรนด์ของเรา อาจสร้างผ่านรูปแบบของสินค้าหรือบริการของเรา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากจะขาย กระเป๋าผ้า อาจจะต้องดีไซน์ออกมาให้ไม่เหมือนแบรนด์อื่น อาจจะวาดกระเป๋าเอง หรือทำลวดลายกระเป๋าที่ทางแบรนด์เราออกแบบมาเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ให้ลูกค้าเห็นนึกถึงเรา หรือสร้างจุดขายที่ดึงดูดลูกค้าได้
4. วางแผนงบประมาณในการลงทุน
ทุกการทำธุรกิจย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของการจัดสรรเงินลงทุน แน่นอนว่าเงินเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่เราต้องเตรียมความพร้อม เพราะหลังจากที่เรามองภาพธุรกิจเรามาได้ประมาณหนึ่งแล้ว ต้องนำมาดูควบคู่ไปกับเงินลงทุนของเราด้วยว่ามันเพียงพอหรือต้องใช้อีกมากน้อยแค่ไหน สำหรับข้อแนะนำคือเราควรมีเงินทุนก้อนใหญ่ที่ไม่ใช่เงินร้อน หมายถึงว่าเป็นเงินที่เราพร้อมจะเสี่ยงนำมาลงทุนโดยที่ไม่เร่งรีบกับผลกำไรของมัน เพราะไม่อย่างนั้นในระยะแรก ๆ ที่ต้องใช้เวลาในการเติบโตของธุรกิจ แล้วเราใช้เงินลงทุนไปกับส่วนอื่นด้วยก็จะทำให้ธุรกิจของเราเกิดปัญหาระหว่างทางได้
เงินลงทุนนั้นเราต้องกระจายไปในส่วนต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควร อย่างถ้าเรากำหนดเงินลงทุนไว้ที่ 3 แสนบาท แบ่งไปใช้กับการซื้อวัสดุอุปกรณ์ 1 แสนบาท การผลิต 1 แสนบาท แล้วก็อาจจะลงทุนค่าโฆษณาหรือโปรโมต (Promote) สินค้าอีก 5 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือก็อาจจะเก็บไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับใช้ในการลงทุนส่วนอื่น ๆ ภายหลังด้วย
5. จัดหาวัสดุและแหล่งผลิต
หลังจากที่เราได้ลองสำรวจตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ หาจุดขายและได้ลองวางแผนกระจายงบประมาณไปคร่าว ๆ แล้ว ต่อมาก็เข้าสู่ขั้นตอนการหาวัสดุหรือวัตถุดิบที่เหมาะกับสินค้าของเรา รวมไปถึงหาแหล่งผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ของเราด้วย ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่เพื่อให้เราได้เข้าไปดูโรงงานและหาแหล่งผลิตที่เหมาะกับสินค้าของเราจริง ๆ ข้อแนะนำคือเราควรเลือกโรงงานที่มีประสบการณ์ในการผลิตอย่างน้อย 3-5 ปี เลือกแหล่งผลิตที่ตอบโจทย์กับงบของเราเพื่อไม่ให้บานปลาย หรือเลือกที่ที่ช่วยให้คำแนะนำกับเรา ช่วยจัดหาวัตถุดิบคุณภาพดีเพื่อใช้ผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานตรงกับหลักการของแบรนด์เราได้ โดยอาจจะขอดูตัวอย่างสินค้าจากทางโรงงานที่เคยผลิตว่าตรงกับความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน
6. ทดสอบตลาดและโปรโมตสินค้า
ต่อมาเข้าสู่ขั้นตอนของการทดสอบตลาด ลงพื้นที่จริง เพราะเมื่อเราได้แหล่งผลิตที่ตอบโจทย์และได้สินค้าตามมาตรฐานแล้ว ก็อาจจะต้องทดลองสั่งผลิตสินค้าออกมาในจำนวนขั้นต่ำที่เราได้พูดคุยตกลงกันกับทางโรงงานแล้ว เพื่อให้เราได้ลองไปตั้งร้านขายตามตลาดนัด แหล่งรวมพล รวมถึงลงขายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย ช่วยเปิดการมองเห็นและทำให้กลุ่มลูกค้าเข้าถึงสินค้าของเราได้หลากหลายทาง โดยขั้นตอนนี้จะทำควบคู่ไปกับการโฆษณาหรือโปรโมตสินค้าของเราไปในตัวด้วยเลยก็ได้
เพิ่มความน่าใจให้ลูกค้าด้วยโปรโมชั่น เช่น ถ้าเราขายเสื้อก็อาจจะทำโปรโมชั่น เสื้อตัวละ 300 บาท แต่ถ้าซื้อ 2 ตัวเหลือ 500 บาท คละลายได้ หรือถ้าสั่งซื้อสินค้าในร้านเกิน 1,000 บาทขึ้นไป พิเศษลูกค้าสามารถสกรีนลายเสื้อได้ฟรี เป็นต้น เป็นการดึงดูดความสนใจ เชิญชวนให้คนอยากซื้อมากขึ้น และใช้เป็นข้อมูลในการศึกษากลุ่มลูกค้าเพื่อพัฒนาสินค้าและโปรโมชั่นจากทางแบรนด์เราต่อไปได้ด้วย
7. หาตัวช่วยหรือผู้มีประสบการณ์
หลังจากที่เราเรียนรู้ขั้นตอนการสร้างแบรนด์มาพอสังเขป รวมถึงมีการจัดสรรเงินทุนมาประมาณหนึ่งแล้ว ต้องยอมรับว่าการที่จะเริ่มปฏิบัติจริงตามขั้นตอนก่อนหน้านี้ที่ได้แนะนำไป อาจมีข้อแตกต่างไปจากที่เราคิดไว้มาก ดังนั้น การมองหาคนที่มีประสบการณ์ในการสร้างแบรนด์มาให้คำแนะนำน่าจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการลงทุนได้ถูกวิธี ลดโอกาสเสี่ยงหรือข้อผิดพลาดที่เกิดในระหว่างการทำธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายบริษัทที่รับให้คำปรึกษาทั้งในด้านกลยุทธ์ทางการตลาด การเลือกแหล่งผลิต ไปจนถึงการทำตลาดออนไลน์แบบครบวงจร รับรองเลยว่าการมีคู่หูที่ดีมาช่วยให้คำปรึกษาจะทำให้การสร้างแบรนด์ของเราสามารถขยับขยายได้ในระยะยาวแน่นอน
5 วิธีปรับ Mindset ก่อนเริ่มทำธุรกิจให้ปัง
ทำธุรกิจคิดบวกบ้างก็ดี
การทำธุรกิจแน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันอาจไม่ได้มีเสถียรภาพมากนัก มักจะมีความผันผวนขึ้นลงและในระยะเริ่มต้นบางทีก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป การมีความคิดบวกหรือ Positive Mindset ไว้บ้างก็เป็นเรื่องที่ดี ถึงหลายคนมองว่าในการทำธุรกิจการมองบวกมากไปก็เป็นข้อเสีย แต่ต้องยอมรับว่าการคิดบวกในบางครั้งก็ช่วยให้เรามองข้ามความล้มเหลว ช่วยให้เรามีกำลังใจและอยากจะลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้อีกครั้ง
การสร้างแบรนด์ค่อนข้างจะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดหรือปัญหาได้ยากอยู่แล้ว ทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้ แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราต้องเจอเมื่อก้าวเข้ามาในวงการการทำธุรกิจ ล้มวันนี้เพื่อให้มีประสบการณ์ ป้องกันความเสี่ยงที่จะผิดพลาดในวันข้างหน้าได้ คิดแบบนี้จะช่วยให้เราเดินต่อไปได้ดีกว่าย่ำอยู่กับความล้มเหลวที่เราเพิ่งจะเคยผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้ง
เชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังทำ
การสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ลูกค้าคือตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของเราขับเคลื่อนหรือขยับขยายให้เติบโตต่อไปได้ ดังนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการรับฟังและพูดคุยกับลูกค้า เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าแล้วนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาคุณภาพของสินค้าในแบรนด์ต่อไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าลูกค้าบางกลุ่มไม่ได้มาติเพื่อก่อ แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจและคาดหวังให้เราลดราคา หรือเพิ่มปริมาณสินค้าแต่ราคาเท่าเดิม เป็นการเรียกร้องสิ่งต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความพอใจของลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้น
ถ้าเรามั่นใจในสินค้าจากแบรนด์เราว่าคุณภาพดีสมราคา ไม่มีใครเหมือน ถึงแพงกว่าแบรนด์อื่นไปบ้างแต่รับรองว่าทุกบาทที่เสียไปจะคุ้มค่า เราก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ให้เชื่อมั่นในสินค้าและสิ่งที่เรากำลังทำ เพราะแน่นอนว่าเราไม่สามารถรับเอาคำติชมจากลูกค้าทุกคนมาปรับได้ทั้งหมด ด้วยเงื่อนไขเรื่องคุณภาพของสินค้าที่อาจจะน้อยลง วัสดุบางอย่างที่เราคัดสรรมาแล้วว่าดี ลวดลายที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ หรือเรื่องงบประมาณที่วางไว้ไม่ขาดไม่เกิน ถ้าเรามองว่าทุกอย่างเหมาะสมแล้วก็ให้ยึดมั่นกับทิศทางของแบรนด์ตัวเองเป็นหลัก เพราะไม่อย่างนั้นเราก็จะต้องปรับตามลูกค้าไปตลอด ซึ่งนั่นไม่ได้ส่งผลดีแน่นอน
เมื่อธุรกิจเติบโตเราต้องหาตัวช่วย
เมื่อเราทำแบรนด์มาได้ระยะหนึ่งแล้ว เริ่มจับทางกลุ่มลูกค้าถูก มียอดขายที่ดี จำนวนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ได้การตอบรับจากลูกค้าหลากหลายช่องทาง แบรนด์ของเรามีงบมากพอที่จะขยับขยาย ทำให้งานหลาย ๆ อย่างเรารับมือคนเดียวไม่ไหว เราควรมองหาคนที่จะมาช่วย หรืออาจหาทีมที่จะมาดูแลจัดการในบางขั้นตอนของการทำแบรนด์ เช่น กานโปรโมตแบรนด์ การจัดส่งสินค้า การดูแลความเรียบร้อยด้านการเงิน เพราะการทำธุรกิจแล้วเราทำทุกอย่างเองทั้งหมด มีโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดบ่อยครั้ง
อีกทั้งยังมีวิธีที่จะนำเทคโนโลยีมาช่วยให้เกิดประโยชน์กับแบรนด์ ใช้สื่อโซเชียลช่วยผลักดันให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของเรามาก ๆ การทำคอนเทนต์ (Content) บนโลกออนไลน์ การออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าของเราให้มีความน่าสนใจและหลากหลาย ซึ่งการทำสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้เราไม่จำเป็นต้องทำเองทั้งหมด หาคนที่มีความสามารถเฉพาะทางมาช่วยก็จะทำให้เราสบายขึ้น และยังมีเวลาไปดูแลส่วนอื่น ๆ ในธุรกิจของเราได้อย่างครอบคลุมด้วย
เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
สำหรับการทำแบรนด์ขายสินค้าแล้วจำนวนในการผลิตมีผลโดยตรงกับเรื่องกำไร ช่วยบ่งบอกถึงการตอบรับจากลูกค้าต่อแบรนด์ของเรามาก ๆ ยิ่งมียอดสั่งสินค้ามากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ขยับขยายธุรกิจมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งพอมียอดการผลิตในปริมาณที่มากแบบนี้คนทำแบรนด์อย่างเราก็มักจะหลุดโฟกัสไปสนใจเรื่องของการผลิตออกมาให้ได้ปริมาณมาก ๆ เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า จนบางครั้งก็เผลอมองข้ามเรื่องของคุณภาพซึ่งเป็นที่สิ่งสำคัญกว่า เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องเร่งรีบผลิตจนเกินไป เพื่อให้ได้สินค้าที่มีมาตรฐาน ลูกค้าที่ซื้อไปจะได้รับสินค้าคุณภาพดีคงที่ทุกรอบ แบบนี้จะช่วยรักษาฐานลูกค้าได้ยาวนานกว่าแน่นอน
เรียนรู้ที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
การทำธุรกิจหรือสร้างแบรนด์ของตัวเอง แม้ว่าตอนแรกเราจะยังเป็นมือใหม่ ด้อยประสบการณ์อยู่บ้าง ต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ หรือหาตัวช่วยมาแนะนำ แต่เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่งแล้วในฐานะที่เราเป็นเจ้าของแบรนด์เราจำเป็นต้องรู้ระบบงานต่าง ๆ รู้ขั้นตอนการทำงาน งบประมาณ วัสดุและการผลิต รู้ว่าตรงไหนขาดตรงไหนเกิน จนสามารถเรียกได้ว่าภาพรวมของการธุรกิจเรารู้และเข้าถึงทุกจุดแล้ว พยายามลงไปดูแลจัดการในส่วนต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อที่เวลาเกิดปัญหาเราจะได้สามารถเข้าใจและแก้ปัญหาได้ทันท่วงที จับคนวางให้ถูกกับงาน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีและรวดเร็ว เพราะในท้ายที่สุดเราจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในงานของเราจึงจะทำให้แบรนด์ไปต่อได้
เริ่มสร้างแบรนด์ตัวเอง ต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง
1. เตรียมข้อมูล
ข้อมูลมีความสำคัญมาก ๆ ในระยะเริ่มต้นของการทำธุรกิจ การสำรวจตลาด สำรวจกลุ่มลูกค้า สำรวจสินค้าที่เราสนใจ สำรวจแหล่งผลิต การศึกษากลยุทธิ์ทางการตลาด การโปรโมตต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นชุดข้อมูลที่สำคัญทั้งสิ้น ดังนั้น เราควรให้เวลาเตรียมตัวในช่วงแรกของการทำธุรกิจมาก ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมรับมือกับการลงทุนจริง ๆ ส่วนไหนที่ไม่รู้ไม่แน่ใจก็ให้หาผู้ที่มีประสบการณ์มาให้คำแนะนำร่วมด้วยก็จะช่วยได้ดีมาก
2. เตรียมงบประมาณ
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้นว่าเงินลงทุนหรืองบที่เราจะนำมาใช้ทำธุรกิจเป็นตัวแปรสำคัญมาก ๆ ไม่ว่าเราจะสร้างแบรนด์สินค้าอะไร เราควรตั้งงบใหญ่ ๆ ไว้ ก่อนนำมากระจายไปลงทุนในส่วนต่าง ๆ อย่างพอเหมาะพอควร แนะนำว่าต้องเป็นเงินที่แยกออกมาจากเงินที่เราจะใช้ในการดำเนินชีวิต เป็นเงินที่ใช้เพื่อประกอบธุรกิจเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเรื่องงบประมาณในภายหลัง
ต่อมาคือเราไม่ควรจำกัดงบส่วนต่าง ๆ ไว้อย่างรัดกุมเกินไป ซึ่งหมายถึงการแบ่งเงินก้อนใหญ่ออกเป็นส่วนต่าง ๆ แต่ต้องมีเงินไว้ส่วนหนึ่งสำหรับใช้เพิ่มเติมในบางขั้นตอนที่เราไม่รู้ว่าต้องใช้งบโดยรวมเท่าไหร่ เช่น ขั้นตอนการผลิตที่อาจจะมีความผันผวนเรื่องงบเพราะขึ้นอยู่กับวัสดุอุปกรณ์ที่เราเลือกใช้ด้วย พยายามจัดสรรให้อยู่ในงบที่เรากำหนดไว้เพื่อไม่ให้บานปลายภายหลัง ราคาสินค้าที่เราวางจำหน่ายในแบรนด์จะได้คงที่ด้วย ที่สำคัญถ้าเรารู้ตัวว่าตนเองไม่ได้มีความสามารถในการจัดสรรเงิน หรือวางแผนการลงทุนมากนักอย่าพยายามทำคนเดียว ให้หาคนที่เราไว้ใจหรือบริษัทที่ช่วยดูแลวางแผนทางการเงินเข้ามาช่วยในธุรกิจด้วยก็จะทำให้เราสบายใจขึ้น
3. เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
การเตรียมที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจก็คงหนีไม่พ้นการเตรียมใจให้พร้อม เพราะโลกแห่งธุรกิจจริงอาจไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราเห็นจากหลายคนที่ประสบความสำเร็จ เราอาจจะต้องเจอปัญหาระหว่างทาง มีสิ่งที่เรารับมือได้และสิ่งที่ยากจะรับมือ อาจต้องใช้ความพยายามและอดทนมาก ๆ กว่าที่ลูกค้าจะเข้าถึงแบรนด์เรา ทุกการทำธุรกิจก็คือการเผชิญความเสี่ยง เสี่ยงเรื่องเวลา เสี่ยงเรื่องเงิน เสี่ยงกับการต้องดูแลทีม อีกทั้งลูกค้าก็มีที่ชอบและไม่ชอบ เราต้องเตรียมใจไปพร้อมกับเผื่อใจรับความไม่แน่นอน เราจะหวังว่าลงทุน 100 แล้วจะได้คืน 100 ในทันทีไม่ได้ เพราะเราอาจต้องยอมเสียนิด เสียหน่อย จ่ายไปมากกว่ารับบ้างในช่วง 2-3 ปีแรกของการลงทุน ดังนั้น ถ้าเราคิดว่าใจเราพร้อมรับกับความเสี่ยงเหล่านี้แล้ว ถึงล้มก็พร้อมจะลุกขึ้นมาตั้งหลักใหม่ได้ก็ไม่ต้องกลัวที่จะลงมือปฏิบัติจริง
เปิดโอกาสสร้างแบรนด์ของตัวเองไปกับ With love
With love เป็นแหล่งผลิตสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้าและของที่ระลึกที่ต้องการจะให้บริการรอบด้านและให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าที่เป็นมือใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์มาก โดยเรามีทีมงานมืออาชีพมาคอยให้คำปรึกษาเรื่องการสร้างแบรนด์ในระยะเริ่มต้น ทั้งในด้านข้อมูลและจัดหาแหล่งผลิตสามารถติดต่อสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในช่วงแรกของการดำเนินกิจการทาง With love เปิดเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าและผลิตกระเป๋าพร้อมตัดเย็บโดยตรง ซึ่งให้บริการมานานมากกว่า 20 ปี ทำให้เรามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับการตัดเย็บได้เป็นอย่างดี และต่อมาก็ได้ขยับขยายธุรกิจเพิ่มเป็นโรงงานพิมพ์ผ้า ซึ่งเราเปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 5 ปี มีการนำเทคนิคสกรีนพิมพ์ลายมาผสมผสานกัน สามารถพิมพ์ลงบนสินค้าประเภทกระเป๋าหรือเสื้อผ้าต่าง ๆ ได้ อีกทั้งยังมีทีมงานมากประสบการณ์คอยให้ความรู้เรื่องการทำแบรนด์อย่างใกล้ชิด
ข้อดีของการทำแบรนด์กับเรา คือ มีรูปแบบการผลิตที่หลากหลาย คุณภาพสินค้าได้มาตรฐาน มีเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย ทั้งแบบ DFT (Digital Film Transfer) ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี DTG (Direct To Garment) ช่วยให้การพิมพ์สกรีนลายได้สีและฟ้อนต์ออกมาสวยงามตามแบบที่วางไว้ ทดลองสั่งผลิตเพื่อทดสอบตลาดในจำนวนน้อย ๆ ก่อนได้ ถ้าหากสั่งเป็นสินค้าพิมพ์สกรีนก็สามารถคละลายหรือคละแบบได้หมดไม่มีขั้นต่ำ ทางเรามีทีมบริการงานจัดวางแบบก่อนผลิต มีตัวอย่างลวดลายสวย ๆ จากทางร้านให้เลือกมากมายแบบไม่ต้องคิดเองให้ยุ่งยากเลย
กระเป๋าผ้า
ทางแบรนด์ของเรารับผลิตสินค้าประเภทกระเป๋าผ้า ทั้งที่ทำจากผ้าแคนวาส ผ้าคอตตอน ผ้าลายสอง ผ้าดิบ หรือผ้าไนล่อน รวมไปถึงผ้าอื่น ๆ โดยมีการทำออกมาเป็นหลาย ๆ คอลเลกชัน (Collection) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม อาทิ
นอกจากนี้สำหรับใครที่ต้องการสร้างแบรนด์แบบเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเราเอง อยากจะทำเสื้อผ้า กระเป๋า หรือสินค้าสกรีนลายที่เป็นของแท้จากแบรนด์ตัวเอง สามารถสั่งทำแบบพิมพ์ข้อความ โลโก้ ชื่อร้านกับทาง With love ได้เลย ทางเราเปิดโอกาสให้ลูกค้าใหม่ทุกท่านได้ออกแบบฟรี ปรับแก้ได้ถึง 3 ครั้งก่อนการผลิตจริง เพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงตามความต้องการ มีทีมคอยดูแลและให้คำปรึกษาตลอดทุกขั้นตอน หากไม่มีแบบมาให้ก็สามารถให้ทางเราออกแบบให้ได้ไม่เป็นปัญหา เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านรู้สึกไว้วางใจทางเราจะยกตัวอย่างสินค้าที่ทาง With love รับผลิตมาให้ดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
กระเป๋าถือนุ่มนิ่ม (Fluffy bag)
กระเป๋าที่ผลิตจากผ้าไนล่อนญี่ปุ่น ให้ผิวสัมผัสเรียบลื่น นำมาผ่านการเย็บ 2 ชั้นแล้วบุด้วยนวม ทำให้ได้กระเป๋านุ่มนิ่มน่ารัก มีหลากหลายสีให้เลือก ทั้งสีขาว ชมพู เขียว ฟ้า แดง ดำ เหลือง ราคาปลีกไซส์ S อยู่ที่ 395 บาทจาก 490 บาท ส่วนไซส์ L ราคา 690 บาท สำหรับคนที่อยากสั่งไปทดลองขาย สั่งผลิตขั้นต่ำ 50 ใบพร้อมสกรีนข้อความหรือโลโก้ (Logo) ให้ฟรี ราคาแบบสั่งขั้นต่ำ ไซส์ S อยู่ที่ 180 บาท และไซส์ L ราคา 289 บาท สามารถสั่งแบบคละได้ 5 สีเลย
กระเป๋าผ้าแคนวาส ผ้าลายสอง ผ้าดิบ (Canvas bags)
กระเป๋าผ้าแคนวาสตัวฮิตจากทางแบรนด์ เพราะเนื้อผ้าดี ตัดเย็บละเอียด มีบริการให้พิมสกรีนลาย ราคาไม่แรง มีการดีไซน์ให้เป็นกระเป๋าที่รูปแบบหลากหลาย ใช้แล้วดูสวยและทันสมัย มีทั้งเป็นถุงผ้ามีหูรูด ถุงละ 25 บาท พิมพ์ลายได้คิดเพิ่มลายละ 6 บาท กระเป๋าผ้าดิบสี่เหลี่ยมแบบ Tote bag รุ่น Gumpty canvas ตั้งทรงสวย ผ้าหนา 14 oz สามารถสั่งผลิตขั้นต่ำได้ 50 ใบ ตกใบละ 180 บาทเท่านั้น แถมกระดุมแม่เหล็กและช่องใส่ของให้ฟรีไม่มีบวกเพิ่ม หรือจะสั่งเป็นกระเป๋าผ้าแคนวาสสายหนัง มีหลากสีให้เลือก สกรีนลวดลายลงได้ตามต้องการ เริ่มต้นที่ 590 บาท รุ่นนี้สวยและทนทาน ใบใหญ่ใส่ของได้เยอะ
นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าผ้าดิบและคอตตอน รุ่น Unisex bag สกรีนลวดลายได้ ราคาเริ่มต้นที่ 390 บาท มีหลากหลายรูปแบบทั้งผ้าคอตตอนล้วน ผ้าดิบผสมหนัง PU หุ้มฐานกระเป๋า กระเป๋าลายสอง แบบมีสายสะพายข้าง มีหูจับ หรือช่องจับ ความหนาผ้ามีตั้งแต่ 14-22 oz เหมาะกับคนที่ชอบกระเป๋าผ้าเรียบ ๆ แต่เก๋ เน้นความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ ใส่ของได้เยอะ
กระเป๋าผ้าแคนวาสผสมหนัง PU แท้ (Premium canvas & Leather)
เป็นกระเป๋าผ้าแคนวาสหนาที่นำหนัง PU แท้มาตกแต่ง ตัดเย็บเพิ่มขอบ และนำมาทำสายกระเป๋าให้มีความสวยไปพร้อมกับความคงทน ผลิตออกมาเป็นรุ่น Valencia bag มีหนังให้เลือกหลายสี ทั้งครีม ชมพู เขียว น้ำตาลและน้ำเงิน มีสายสะพายหนังเย็บติดสองฝั่ง ปากกระเป๋ามีหูรูดปิดมิดชิด ส่วนอีกรุ่นคือ Melia เป็นกระเป๋าสายหนังสะพายข้างปรับความยาวได้ หรือจะเปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าถือก็ได้เพราะมีสายหนังทำเป็นหูจับไว้อย่างดี ทั้งสองรุ่นนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,590 บาท เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบกระเป๋าผ้าแคนวาสแต่มีดีไซน์ เรียบหรู ดูแพง สะพายเข้ากับทุกลุคการแต่งตัว
เสื้อยืด
ทางร้านนอกจากจะรับผลิตกระเป๋าแล้วก็ยังรับผลิตเสื้อยืดt-shirt ซึ่งทางเราจะใช้เป็นเสื้อคอตตอนแท้ 100% เพื่อให้ได้เนื้อผ้านุ่ม สวมง่าย ระบายอากาศได้ดี มีแบบของเราให้เลือกสกรีน หรือจะออกแบบลวดลายมาเองก็ได้ สามารถพิมพ์สกรีนได้ทั้งรูปภาพ ลายเส้น คำคม ฟ้อนต์อักษรสวย ๆ งานกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่ต้องการสีและเส้นแบบคมชัด ตัวการ์ตูน หรือภาพสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ ราคาเริ่มต้นแค่ 390 บาท มีทั้งเสื้อไซส์เด็กและผู้ใหญ่ ทำเป็นเสื้อคู่ เสื้อทีมหรือเสื้อครอบครัวก็ได้หลากหลายสุด ๆ
ของขวัญและของที่ระลึก (Gifts and Souvenirs)
เป็นสินค้าประเภทเทียนหอม ผ้าห่ม การ์ดเซตของขวัญพร้อมการ์ดอคริลิคที่สามารถพิมพ์รูปวาด ใส่ข้อความ และใส่เพลงแสกนฟังได้ผ่าน Spotify แบบเก๋ ๆ มีทั้งฐานไม้ตั้งโต๊ะและกรอบไม้ หรือจะสั่งทำแบบเซตพร้อมกระเป๋าผ้า เหมาะจะใช้เป็นของขวัญที่ให้ในวาระโอกาส งานเทศกาลสำคัญ ๆ ราคาแตกต่างกันไปตามสินค้าที่เลือก
สำหรับใครที่อยากสร้างแบรนด์สินค้าเหล่านี้ ขอบอกเลยว่าทาง With love มีทั้งประสบการณ์การผลิตและจัดจำหน่ายมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี ดังนั้น เราจะให้ความสำคัญเรื่องของคุณภาพการผลิตและมาตรฐานสินค้ามาก ๆ พร้อมมอบตัวเลือกและสิทธิพิเศษมากมายให้แก่ลูกค้าทุกท่านที่อยากมาสร้างแบรนด์กับเรา หากใครสนใจสามารถติดต่อเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมก่อนได้ ทางเรายินดีให้บริการ
แหล่งอ้างอิง
5 Ways to Change From Employee to Entrepreneurial Mindset
5 Steps To Change Your Mindset And Propel Your Business Forward
9 Tips for Growing a Successful Business
12 Things You Must Do Before Starting a Business
How to start a business in 11 steps
How to Start a Business: A Step-by-Step Guide
12 Advantages Of A Growth Mindset That Could Accelerate Your Career